จากการที่เคยได้รับทุนต่างๆ จากองค์กรและสถาบันชั้นนำในระดับระหว่างประเทศกว่า 17 ทุน อาทิ ทุน Fulbright, ทุน Ford Foundation (ไปดูงานที่รัฐสภาสหรัฐ), ทุนผู้ช่วยสอนจาก University of Virginia 4 ปีซ้อน (และได้ Excellent Teaching Awards), ทุนทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกจาก Institute of World Politics, ทุน Dupont Fellowship เป็นต้น ทำให้สามารถนำประสบการณ์อันมีประโยชน์ตรงนี้ มานำเสนอและวิธีการหาทุนและหาโอกาสในการไปศึกษาต่อต่างประเทศสำหรับเยาวชนไทยของเรา ทั้งนี้ คนไทยเรามีความสามารถแต่ส่วนใหญ่มักขาดเทคนิคที่ดี และต้องลองถูกลองผิดกันเอง ทำให้มีความยากลำบากในการไปแข่งขันกับเยาวชนของชาติอื่นๆ หรือแม้แต่คนจากประเทศเพื่อนบ้านเอเชียของเราเอง ที่มักจะรู้เทคนิควิธีการในการสมัครเรียนและขอทุนต่างๆ ดี ทำให้เด็กไทยของเราพลาดโอกาสอย่างน่าเสียดายมากๆ ในหลายๆ ครั้ง ในทางกลับกัน ถ้าหากพวกเรามีความเข้าในเทคนิคและวิธีการในการสมัครเรียนและสมัครทุนอย่างดีแล้ว คนไทยเราจะสามารถสู้ชาติอื่นได้อย่างแน่นอน ตัวอย่าง นักเรียนที่ประสบความสำเร็จและได้ทุนต่าง ๆ มากมาย อาทิ คุณกังสดาล ได้รับทุน ฟูลไบรท์ (Fulbright), คุณนันตสรณ์ ได้รับทุน HARVARD MEDICAL SCHOOL, คุณกรภัทร ได้รับทุนของมหาวิทยาลัย Columbia, คุณพรอุมา ได้รับทุน อีราสมุส มุนดุส (Erasmus Mundus), คุณพรกาญจน์ทิมา ได้รับทุนของธนาคารอาคารสงเคราะห์, คุณปัทมาพร ได้รับทุน กพ. สาขาพยาบาล, คุณภัทริยา ได้รับทุน กพ. สาขา Logistic Management เป็นต้น
จากการที่เป็น self-made man ระดับชนชั้นกลางที่สามารถผันตัวเองเป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จได้โดยเปิดสถาบันสอนภาษาอังกฤษในบริเวณ prime area เช่น ใจกลางถนนสีลม (มุมคอนแวนต์) เซ็นทรัลลาดพร้าว และสยามสแควร์ ความสำเร็จตรงนี้จะสามารถ inspire ผู้ชมโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเป็นผู้ประกอบการ ให้เข้าใจถึงปรัชญาในการคิด ในการทำงาน และในการใช้ชีวิต ตลอดจนจะต้องผ่านการต่อสู้และสร้างสมประสบการณ์ในการทำงานอย่างไรจนกว่าจะมาถึงความสำเร็จวันนี้ได้ ในส่วนนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการรวยและประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว โดยเน้นเฉพาะจะหาเงินอย่างเดียว แทนที่จะเรียนรู้ก่อนว่า ผู้ที่รวยและประสบความสำเร็จเขามีความคิดและหลักในการทำงานอย่างไรก่อน ถ้าหากมีความคิดและหลักการที่ถูกต้องแล้ว ความสุขและความสำเร็จอย่างยั่งยืนย่อมตามมาเอง
เป็นผู้สนใจศึกษาและมีความเชี่ยวชาญในแง่การพัฒนาตัวเอง (self-improvement) และเข้าใจหลักปรัชญาคำสอนของพระพุทธศาสนาอย่างถ่องแท้ และสามารถปรับประยุกต์ทั้งสององค์ความรู้เข้ากับหลักการบริหารงานในยุคปัจจุบันได้อย่างกลมกลืนและมีประสิทธิผลยิ่ง ทำให้ได้รับเชิญไปพูดตามหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างๆ กว่า 200 องค์กร ด้วยค่าบรรยายถึง 10,000-15,000 บาทต่อชั่วโมง อาทิ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.), สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.), สำนักงานองค์การอาหารและยา (อย.), วิทยาลัยพยาบาล สภากาชาดไทย, โรงพยาบาลศิริราช, โรงพยาบาลรามาธิบดี, คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ, บริษัทปูนซิเมนต์ไทยจำกัดมหาชน, EXIM Bank, ธนาคารไทยพาณิชย์, บริษัทโตโยต้ามอเตอร์ (ประเทศไทย) เป็นต้น โดยหัวข้อที่ได้รับเชิญให้ไปบรรยายเกี่ยวกับประเด็นดังต่อไปนี้คือ กฏเหล็กในการเป็นผู้นำ, การสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ชีวิต, หลักในการบริหารสู่ความเป็นเลิศ, หลักการสร้างพลังชีวิต, จริต 6: ศาสตร์ในการอ่านใจคน, การเพิ่มศักยภาพในการทำงานของพนักงาน, ใช้ชีวิตอย่างไรจึงจะมีความสุข, และพลานุภาพของ Positive Thinking
ผู้จัดรายการวิทยุ CEO Vision ทาง FM 96.5 ทุกวันอาทิตย์เวลา 9.00-10.00 น. รายการนี้นำเสนอแนวคิด และกลยุทธ์ต่างๆ ในการสร้างความสำเร็จทางธุรกิจและความสำเร็จในชีวิต โดยรวบรวมแนวคิดและสาระจากหนังสือ Bestsellers ที่ขายดีที่สุดในอเมริกา ทั้งที่เป็นหนังสือประเภท Business Management, How to, Psychology และ Self-Improvement มานำเสนอต่อผู้ฟังในรูปแบบที่ย่นย่อเป็นระบบเน้นเฉพาะใจความสำคัญเข้าใจง่าย เป็นรูปแบบรายการที่ผู้ฟังทุกท่านมี Feedback กลับมาว่า สามารถนำไปปรับใช้กับตนเองกับธุรกิจหน้าที่การงานและในการมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลรอบข้างได้ทันทีอย่างมีประสิทธิภาพ เข้าใจหลักปรัชญาคำสอนของพระพุทธศาสนาอย่างถ่องแท้ ทำให้สามารถปรับใช้กับชีวิตการเรียนและการงาน สร้างความหวังให้กับคนไทยที่จะมีชีวิตที่มีความสุขและสำเร็จ และสร้างสรรค์สังคมให้ดีขึ้น
เป็นผู้เขียน(ร่วม)หนังสือ “จริต 6: ศาสตร์ในการอ่านใจคน” ซึ่งมียอดจำหน่ายกว่า 100,000 เล่มแล้ว และขณะนี้กำลังตีพิมพ์เป็นครั้งที่ 31 อยู่ หนังสือเล่มนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงเพราะได้ช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจคนรอบข้างได้เป็นอย่างดีและลดความความใจผิดและความขัดแย้งระหว่างกันลง ที่สำคัญหนังสือเล่มนี้ทำให้ผู้อ่านเข้าใจตนเองได้ดีขึ้นว่ามีจุดอ่อนจุดแข็งเช่นไร และจะพัฒนาตัวเองอย่างไรให้ประสบความสำเร็จทั้งในชีวิตและการทำงาน
จบปริญญาโทจาก University of Pennsylvania และปริญญาเอกจาก University of Virginia สหรัฐอเมริกา และเคยทำงานที่กระทรวงการต่างประเทศและธนาคารกรุงเทพฯ มาก่อน |